13 เมษายน วันผู้สูงอายุ แสดงความกตัญญูด้วยหัวใจ แสดงความรักได้ ไม่เสี่ยงโรคโควิด-19

เมื่อสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ยังไม่จบลง เทศกาลสงกรานต์และวันผู้สูงอายุแห่งชาติในปีนี้ก็ต้องถูกเลื่อนไปก่อน แม้ว่าปีที่ผ่านมา ช่วงเทศกาลแบบนี้เป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวได้มารวมตัวกัน กินข้าวพร้อมหน้า รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ แต่ปีนี้ต้องขอให้ทุกคนยกเว้น เพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรคไปให้คนที่เรารัก โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย ที่ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ติดเชื้อโควิด-19 ได้ง่ายที่สุด

ทำไมผู้สูงอายุถึงเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ติดเชื้อโควิด-19 ได้ง่ายที่สุด?

ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ระบุว่าผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 60 ปีจะมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัส และมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ แม้ว่าสุขภาพโดยรวมของคนๆ นั้นจะแข็งแรงสมบูรณ์ดีก็ตาม ยิ่งผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ปอด ตับ ไต ฯลฯ ยิ่งเสี่ยงมากยิ่งขึ้น โดยผู้เชี่ยวชาญให้ข้อสังเกตว่าอาจมาจากระบบภูมิคุ้มกันโรคที่ต่ำลงตามวัยนั่นเอง โดย อัตราการเสียชีวิตหลังการติดโควิด-19 ในผู้ที่มีอายุมากจะสูงกว่าในคนที่อายุน้อย เป็นข้อมูลที่เหมือนกันทั้งข้อมูลทั่วโลกและประเทศไทย โดยจากข้อมูลผู้เสียชีวิตในประเทศไทย 20 ราย พบว่าเป็นผู้สูงอายุ 9 ราย เกือบ 50% เมื่อผู้สูงอายุในครอบครัวของเราตกเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสแบบนี้ เราจะมีวิธีดูแลผู้สูงอายุไม่ให้ติดเชื้อในช่วงนี้ได้อย่างไร มาดูกัน

ลูกหลานที่อยู่ไกลกับบ้านผู้สูงอายุ 
ขอให้อยู่ที่พักของตนเอง ไม่ควรเดินทางข้ามจังหวัดเพื่อกลับภูมิลำเนาไปไหว้อวยพรพ่อแม่และผู้สูงอายุในวัน "สงกรานต์" เปลี่ยนมาเป็นให้แสดงความกตัญญูทางไกล เช่น โทรศัพท์คุยกัน คุยผ่านไลน์ หรือคุยแบบเห็นหน้าผ่านทางวิดีโอคอล ปลอดภัยทั้งครอบครัวก็อบอุ่นหัวใจไม่แพ้กัน 


ลูกหลานที่อยู่ใกล้กับบ้านผู้สูงอายุ
 
ไม่แนะนำให้มีการรดน้ำดำหัวในครอบครัวในวัน "สงกรานต์" ไม่กอดหอมผู้สูงอายุ แต่ให้แสดงความกตัญญูต่อผู้สูงอายุโดยเว้นระยะห่าง 1-2 เมตรในการทำกิจกรรมในครอบครัว


ลูกหลานที่อยู่บ้านเดียวกันกับผู้สูงอายุ
 
เลี่ยงการออกนอกบ้านเพื่อไม่เป็นพาหะนำโรคมาให้ผู่สูงอายุ ถ้าจำเป็นต้องออกนอกบ้าน เมื่อกลับมาแล้วต้องรีบล้างมือให้สะอาด เปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย เน้นล้างมือบ่อยๆ


การดูแลผู้สูงอายุช่วงเทศกาล "สงกรานต์"
 
งดพาผู้สูงอายุออกนอกบ้าน หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่ก่อนรับประทานอาหาร และล้างมือหลังใช้ห้องน้ำ ไม่ใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก กินร้อน ใช้ช้อนส่วนตัว แยกสำรับอาหารและแยกของใช้จำเป็นของผู้สูงอายุ อย่าให้ปะปนกับของลูกหลาน และจัดหาหน้ากากอนามัย หรือเจลแอลกอฮอล์ 70% ให้ผู้สูงอายุ


ระมัดระวังและเตือนผู้สูงอายุ
 
ให้เว้นระยะห่างจากบุตรหลานและผู้อื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร ลูกหลานก็ควรเว้นระยะไม่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้สูงอายุและเด็กเล็ก เพื่อลดโอกาสการแพร่เชื้อ

หากมีโรคประจำตัวที่ต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเป็นประจำ 
ลองสอบถามแพทย์ประจำตัวดูว่ามีความจำเป็นต้องไปหรือไม่ สามารถพูดคุยปรึกษาผ่านวิดีโอคอลได้หรือไม่ หรือแม้กระทั่งการสั่งจ่ายยาออนไลน์โดยส่งยามาให้ที่บ้าน หรือให้ผู้ป่วยรับยาได้เองที่ร้านขายยาใกล้บ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางไปโรงพยาบาล รวมถึงสอบถามแพทย์ด้วยว่าสามารถซื้อยามาเก็บตุนไว้โดยไม่ต้องออกไปซื้อยาบ่อยๆ เหมือนเดิมได้หรือไม่

หากมีอาการผิดปกติในร่างกาย 
เช่น มีไข้ น้ำมูกไหล ไอ จาม เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ ควรรีบติดต่อลูกหลานทันที โดยลูกหลานอาจตั้งเบอร์โทรด่วน (เช่น กด 1 ค้าง) แล้วโทรเข้าเบอร์ลูกหลานทันทีเอาไว้ในกรณีฉุกเฉินด้วย

ปีนี้แม้จะเว้นระยะห่างกัน เพื่อป้องกันการติดต่อของโรคโควิด-19 แต่ลูกหลานยังแสดงความรัก และความกตัญญูต่อผู้สูงอายุ ได้ด้วยการใส่ใจดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจของพวกท่านกันนะคะ :)

 

สนับสนุนโดย